Friday, 24 March 2023

เจ้าของบ้าน ซ้อมคนขโมยกัญชา ช้ำในตาย ตำรวจไม่จับ อ้างมีสิทธิ์ปกป้องทรัพย์สิน

ลุงย่อง ลักกัญชาเพื่อนบ้าน โดนกระทืบ ช้ำในตาย ตำรวจไม่ทำคดี อ้างเข้าไปลักขโมยของบ้านคนอื่นๆ เจ้าของบ้าน สามารถปกป้องทรัพย์สินได้

(6 เดือนธันวาคม65) เมื่อเวลา 17.00 น. นางวรรณา อายุ 55 ปี ชาวบ้านพรเจริญ อ. วังสามหมอ จ. อุดรธานี พร้อมด้วยญาติ รวม 7 คนเข้าพบ พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี เพื่อร้องขอความเป็นธรรม กรณี นายคำดี อายุ 49 ปี น้องชายเข้าไปลักขโมยกัญชา ของเพื่อนบ้าน ถูกเจ้าของบ้านจับได้ และก็ ตบตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัส

2 ช้ำในตาย

นางวรรณา เล่าว่า เหตุทั้งหมด เกิดขึ้นเมื่อช่วงราว 22.00 น. ของคืนวันที่ 15 เดือนพฤศจิกายน 2565

นายคำดี เป็นพ่อหม้าย มีลูกชายอายุ 18 ปี 1 คน อาศัยอยู่กระท่อมนาของตัวเอง ตนยอมรับว่า นายคำดี เป็นคนเสพกัญชา ตั้งแต่วัยรุ่น ได้เข้าไปลักขโมยต้นกัญชา ของเพื่อนบ้านจริง และก็ ถูกเจ้าของบ้านจับได้ และก็ ถูกรุมทำร้ายร่างกาย ซึ่งนายคำดี พยายามที่จะคลานออกมาด้านนอกบ้าน แต่ เจ้าของบ้านก็ตามมา กระทืบซ้ำหลายครั้ง จนกระทั่งนายคำดีนิ่งแน่ไป

ซึ่งหลังจากนั้น มีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และก็ ผู้ใหญ่บ้าน มาระงับเหตุ และก็ ควบคุมตัวนายคำดี ไปที่ สถานีตำรวจภูธรวังสามหมอ โดนแจ้งข้อกล่าวหาทะเลาะวิวาท และก็ จับนายคำดีติดตะรางเป็นเวลา 1 คืน ก่อนจะเปรียบเทียบปรับ 500 บาท และก็ ปล่อยตัวในวันที่ 16 เดือนพฤศจิกายน

หลังจากถูกปล่อยตัว นายคำดี ได้กลับมาที่บ้าน หลังจากนั้น มาก็นอนซมอยู่ที่บ้าน มาตลอด ไม่ออกมาจากบ้าน เพราะว่าร่างกายระบมอย่างหนัก และก็ ทานข้าวปลาของกินมิได้ อ้วกเป็นเลือด อุจจาระเป็นเลือด แต่ญาติไม่เคยรู้ เพราะว่า นายคำดี มิได้ออกจากบ้าน จนตราบเท่า วันที่ 23 เดือนพฤศจิกายน มีเพื่อนบ้านมาบอกว่า นายคำดีอาการไม่ดี ญาติก็เลยพากันนำตัวส่งโรงพยาบาลวังสามหมอ นอนพักรักษาตัวอยู่ราว 3 – 4 วัน

แล้วหลังจากนั้นก็กลับบ้านวันที่ 27 เดือนพฤศจิกายน เพราะว่า นายคำดี ปฎิเสธการดูแลรักษา ไม่อยากให้แพทย์ ใส่สายยางให้อาหารทางจมูก ซึ่งตอนนั้นแพทย์มิได้รับข้อมูล ว่า นายคำดี ถูกทำร้ายร่างกายมา จนตราบเท่าเสียชีวิต ช่วงวันที่ 1 ธ.ค. และก็ ทำการเผาศพวันที่ 2 ธ.ค.

หลังจาก นายคำดี เข้าไปลักขโมยกัญชา แล้วโดนเจ้าของบ้านซ้อม (ทำร้ายร่างกาย) จนบาดเจ็บสาหัส และก็ ไปนอนรักษาตัวที่บ้าน นานกว่า 2 อาทิตย์ ไม่สามารถเดิน หรือ รับประทานอาหารได้ หลังแล้วหลังจากนั้นก็เสียชีวิต

แต่พอไปแจ้งตำรวจ กลับไม่ทำคดีให้ โดยกล่าวถึงว่า นายคำดี เข้าไปลักขโมยของที่บ้านของคนอื่นๆ ด้วยเหตุนี้เจ้าของบ้าน ก็เลยสามารถปกป้องทรัพย์สินของตัวเองได้

และก็ มีหลักฐานจากภาพวงจรปิด ในขณะที่ นายคำดี ไปลักขโมยกัญชาก่อนหน้านี้ ซึ่งพวกตนมีความคิดว่าไม่ถูกต้อง เพราะว่า นายคำดี ไม่เคยมีประวัติการเจ็บป่วยมาก่อน อีกทั้งหลังจากที่ถูกซ้อม (ทำร้ายร่างกาย) มา ก็เกิดลักษณะของการเจ็บป่วยไข้จนกระทั่งเสียชีวิต

ก่อนหน้าที่ผ่านมา พวกตนเคยไปพบคู่กรณีแล้ว แต่ตกลงกันมิได้ ก็เลยไปพบตำรวจ เพื่อจะฟ้องร้องฟ้อง กับคนประทุษร้าย นายคำดี ตำรวจก็บอกข่มขวัญข้างของตัวเอง จนกระทั่งกระตุ้นให้เกิดความหวาดกลัว และก็ ไม่กล้าที่จะฟ้องร้อง

3 ช้ำในตาย

จากเหตุ เจ้าของบ้าน ซ้อมคนลักขโมยกัญชาจนกระทั่ง ช้ำในตาย

นางวรรณา ยังเล่าอีกว่า ตั้งแต่ถูกทำร้ายร่างกายจนกระทั่งบาดเจ็บ คู่พิพาท ไม่เคยมาเยี่ยม ถามไถ่ หรือ ไม่เคยมาช่วยเหลืออะไรเลย ตำรวจติดต่อไปเพื่อจะมาไกล่เกลี่ย ก็ไม่ยินยอมมา จนตราบเท่า นายคำดี เสียชีวิตไป

คู่ความยังมีหน้ามาบอกว่า ถ้าอยากได้เงินก็ไปฟ้องร้องเอา เพราะว่าจะฟ้องร้องกลับ ที่มาลักขโมยต้นกัญชา ราคาเป็นแสนด้วย ซึ่งหลังจากที่ นายคำดี เสียชีวิตแล้ว ได้พยายามที่จะไปติดต่อกับตำรวจ แต่ตำรวจกลับพูดว่า พวกตนผิด

เพราะไปขโมยในยามวิกาล ซึ่งตอนนั้น ตนเองก็ไม่เคยรู้จะทำยังไง แต่ก็ยอมรับว่าคนเสียชีวิตไปขโมยจริง และก็ ไม่มีหนทางช่วยเหลือ อกน้อยใจตำรวจ

อ้างแต่เพียงว่า พวกตนผิดทุกอย่าง ผู้เสียชีวิตทั้งคน ซึ่งตำรวจก็ยังรับรองว่าข้างตนผิด ซึ่งตนมีความคิดว่า เพราะเหตุไรฆ่าคนตายทั้งคน กลับปราศจากความผิด เพราะเหตุไรตำรวจไม่ช่วยเหลือ ก็เลยมาร้องขอความยุติธรรม กับผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี

ด้าน พล.ต.ต.พิษณู อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อดรธานี กล่าวมาว่า พร้อมให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ซึ่งตอนนี้ พึ่งจะได้รับฟังฝ่ายเดียว แต่จากข้อมูลที่ได้รับฟังเชื่อว่า จะสามารถแจ้งข้อกล่าวหา คู่ความได้ คือ ฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา หรือ ทำการโดยประมาท ส่งผลให้ผู้อื่นถึงแก่เสียชีวิต

จะสั่งให้พนักงานที่ทำหน้าที่สอบสวน สภ.วังสามหมอ รีบปฏิบัติงานสืบสวน ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ทั้งสองฝ่าย

และก็ ถ้าหากญาติคนเสียชีวิตเชื่อว่า มีผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์อื่น หรือหลักฐานอื่น ก็เอามาให้ตำรวจ ยิ่งกว่านั้นผลวิเคราะห์การตายของแพทย์ ก็เป็นหลักฐาน ซึ่งจำเป็นที่จะต้องไปไต่สวนปากคำ จากแพทย์ที่ทำงานรักษา ขอรับรองว่าตำรวจจำเป็นที่จะต้องรับฟ้องร้องแน่ๆ และก็ ให้ทั้งสองฝ่าย ไปพิสูจน์ความเป็นจริงกันบนศาล